service
ดูแลแม่หลังคลอด
Midwifery Care

รายละเอียด
การดูแลตัวเองหลังคลอดที่คุณแม่ต้องรู้
หลังการคลอดบุตรใหม่ๆ คุณแม่คงรู้สึกโล่งใจที่การคลอดผ่านไปได้ด้วยดี แต่อาจมีความกังวลใจต่อการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายจากการตั้งครรภ์และการคลอด ซึ่งโดยปกติแล้วสภาพร่างกายของคุณแม่หลังคลอดจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติภายใน 6-8 สัปดาห์รวมทั้งแผลที่เกิดจากการคลอดก็จะหายดีในช่วงระยะเวลาน้ีด้วยทั้งน้ีหากคุณแม่มีความเข้าใจและดูแลตนเองหลังคลอดได้เป็นอย่างดีก็จะช่วยให้ทุกอย่างราบรื่นข้ึน ซึ่งการดูแลตนเองหลงัคลอดนั้นมีอยู่หลายด้าน ดังน้ี
ด้านจิตใจ
หลังคลอดใหม่ๆ ปริมาณฮอร์โมนในร่างกายของคุณแม่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งคุณแม่ยังต้องปรับตัวกับบทบาทใหม่ อ่อนเพลียจากการคลอด กังวลใจสรีระของตนเองและการเลี้ยงลูกจึงอาจทำ ให้รู้สึกเครียด หงุดหงิด หรือความซึมเศร้าแบบไม่มีเหตุผล ซึ่งเรียกว่า “ภาวะซึมเศร้าหลงัคลอด” ดังน้ัน คุณพ่อจึงหรือคนใกล้ชิดจึงเป็นบุคคลสำคัญ หากได้ช่วยแบ่งเบาภาระในการเลี้ยงดูบุตร และดูแลงานบ้านแทนคุณแม่ก็จะช่วยให้คุณแม่มีสุขภาพจิตที่ดีข้ึน รู้สึกมั่นใจและได้รับความรักอย่างเต็มที่
1.ภาวะเศร้าหลังคลอด (Postpartum blue)เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน โดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่ที่ยังปรับตัวหลังคลอดไม่ค่อยได้ซึ่งภาวะน้ีจะมีอาการหงุดหงิด เศร้า เสียใจ อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่ายร่างกายอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ มีความกังวลเรื่องลูกระยะเวลาของอาการน้ีอาจอยู่ประมาณ 5 วันหลังคลอด และจะหายไปเองภายใน 2 สัปดาห์ข้ึนอยู่กับคุณแม่แต่ละรายในช่วงที่คุณแม่หลังคลอด มีอาการอาศัยเพียงแค่กำลังใจและการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดจากคนรอบข้างก็จะช่วยให้อาการดีข้ึนโดยไม่ต้องทำการรักษา
2.โรคซึมเศร้าหลังคลอด (Postpartum depression)เกิดจากความผิดปกติของอารมณ์หลังคลอดระดับปานกลางจนถึงรุนแรงโดยมีอาการเช่น นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร ร้องไห้บ่อย อ่อนไหวง่าย บางคร้ังหงุดหงิดความผูกพันกับลูกหายไป บางคร้ังเกิดอยากทำร้ายตัวเอง ทำร้ายลูก เป็นต้น ซึ่งผู้มีประวัติเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวง่าย มีคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ผู้ที่ต้องเผชิญกับความเครียดหรือเคยมีประวัติความผิดปกติทางอารมณ์มาก่อนมีแนวโน้มที่จะเป็นกับโรคซึมเศร้าหลังคลอดได้ระยะอาการมีตั้งแต่ 2 สัปดาห์ข้ึนไปจนถึงหลายเดือน หรือเป็นปี ต้องได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ด้วยการเข้ารับการบำบัดโดยนักจิตวิทยาคลินิก เพื่อทำความเข้าใจกับอาการต่างๆ ที่คุณแม่กำลังเผชิญอยู่รวมทั้งแรงสนับสนุนและการดูแลเอาใจใส่จากครอบครัวก็จะช่วยให้อาการดีข้ึน
การดูแลด้านร่างกาย
1.การดูแลแผล
แผลฝีเย็บ ปกติแล้วคุณหมอจะเย็บด้วยไหมละลาย ซึ่งหลังคลอดประมาณ 7 วันแผลก็จะหาย แต่อาจจะรู้สึกเจ็บนานประมาณ 2 สัปดาห์การทำความสะอาดสามารถใช้น้ำและสบู่ล้างจากด้านหน้าไปด้านหลังและซับให้แห้งทันทีควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ ไม่ควรสวนล้างช่องคลอดหรืออาบน้ำในอ่าง กรณีคุณแม่เป็นริดสีดวงทวาร หากมีอาการปวดอาจจะประคบดว้ยถุงน้ำแข็ง ใช้ครีมหรือยาเหน็บตามแพทย์สั่งดื่มน้ำ และรับประทานผักผลไม้ที่มีกากใยสูง เพื่อลดอาการท้องผูก
แผลผ่าตัดคุณหมอจะเย็บด้วยไหมละลาย ไม่ต้องตัดไหม ปิดไว้ด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ คุณแม่สามารถอาบน้ำ ได้แต่ถ้าสังเกตว่ามีน้ำซึมเข้าแผลให้เปลี่ยนพลาสเตอร์ปิดแผลใหม่ทันทีแผลจะหายในเวลาประมาณ 7 วัน หากเจ็บแผลขณะเคลื่อนไหว คุณแม่อาจจะใช้ผ้ารัดหน้าท้องช่วยพยุงไว้ จะช่วยให้รู้สึกสบายข้ึน
2. น้ำคาวปลา
คือ เน้ือเยื่อและเลือดที่ไหลออกมาจากโพรงมดลูกหลังการคลอด ซึ่งเกิดจากการหลุดลอกตัวของรก น้ำคาวปลาจะถูกขับออกมาจากมดลูกโดย 3-4 วันแรกหลังคลอดจะมีน้ำคาวปลาเยอะมากและเป็นสีแดงสด คุณแม่ต้องใส่ผ้าอนามัยเอาไว้ระยะเวลาในการมีน้ำคาวปลาจะแตกต่างกันไปตั้งแต่2-6 สัปดาห์แต่โดยทั่วไปจะมีประมาณ 3 สัปดาห์ควรทำความสะอาดด้วยน้ำและสบู่ทุกคร้ังหลังการปัสสาวะหรืออุจจาระ และเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ
3.การฟื้นตัวของมดลูก
ระหว่างตั้งครรภ์มดลูกจะขยายตัวใหญ่ข้ึนกว่าปกติแต่หลังคลอดมดลูกก็จะหดตัวลงจนมีขนาดปกติและกลับเข้าตำแหน่งในอุ้งเชิงกราน ที่คนทั่วปเรียกว่ามดลูกเข้าอู่ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ หากมีอาการปวดมดลูก สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
4. การดูแลเต้านม
โดยทั่วไปคุณแม่จะมีขนาดของเต้านมที่ใหญ่ข้ึน และมีอาการคัดตึงในวันที่2-3 หลังคลอด ซึ่งเกิดจากภาวะที่ต่อมน้ำนมเริ่มผลิตน้ำนม เวลาอาบน้ำ ควรงดฟอกสบู่บริเวณลานนม เพื่อให้น้ำมันธรรมชาติที่ผิวหนังสร้างข้ึนยังคงอยู่จะช่วยลดความเจ็บขณะลูกดูดนม หากมีอาการนมคัดแต่ยังไม่มีน้ำนม ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นประคบเต้านม และทานยาแก้ปวดได้
พยายามให้ลูกดูดนมบ่อยๆ เพื่อกระตุ้นให้มีการสร้างน้ำนมเร็วข้ึน หากมีน้ำนมไหลแล้วให้ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบเต้านมก่อนให้นมลูก ก็จะช่วยให้การไหลเวียนเลือดบริเวณเต้านมดีข้ึน ใช้สำลีชุบน้ำต้มสุกเช็ดทำความสะอาดหัวนมและลานนมทุกคร้ัง ทั้งก่อนและหลังให้นมลูก
5. การรับประทานอาหาร
คุณแม่หลังคลอดยังคงต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เหมือนในระยะต้ังครรภ์เพราะต้องใช้พลังงานในการฟื้นฟูร่างกายของคุณแม่เองและผลิตน้ำนมสำหรับเลี้ยงลูกควรรับประทานอาหารประเภท ผัก ผลไม้เน้ือสัตว์ไข่นม ลดอาหารประเภทแป้ง ไขมันและของหมักดอง งดเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ น้ำ อัดลม และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์การรับประทานยาควรได้รับคำแนะนำ จากคุณหมอเพราะยาบางชนิดหลั่ง ออกทางน้ำนมได้โดยเฉพาะในช่วง1 สัปดาห์แรก ควรปรึกษาแพทย์ว่าต้องงดยาใดบ้าง
6. การพักผ่อน
ช่วงที่พักฟื้นในโรงพยาบาล คุณแม่จะได้พักผ่อนเต็มที่แต่เมื่อกลับบ้านแล้ว ช่วงที่คุณพ่อคุณแม่ต้องปรับตัวกับวิถีชีวิตใหม่ ต้องดูแลตัวเอง ดูแลลูก และครอบครัว จึงควรจัดสรรเวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ ให้เหมาะสม เช่น ทำความสะอาดเสื้อผ้าและของใช้ลูกวันละ1คร้ังควรมีเวลางีบหลับพักผ่อนขณะลูกหลับ เพื่อไม่ให้คุณแม่เหนื่อยล้าหรืออ่อนเพลียเกินไป
7. กิจกรรมที่คุณแม่ “ไม่ควรทำ” ในช่วง 6 สัปดาห์แรกหลังคลอด
-ไม่ควรยกของที่มีน้ำหนักมากกว่าน้ำหนักของทารก
-ไม่ควรออกแรงเบ่งมากๆ หรือนานๆ
-ไม่ควรเดินข้ึน-ลงบันไดบ่อยๆ
-ไม่ควรขับรถโดยไม่จำเป็น
-ไม่ควรออกกำลังกายหักโหม ทำได้เฉพาะท่ากายบริหารเบาๆ
8. การมีเพศสัมพันธ์
คุณแม่อาจมีความรู้สึกทางเพศลดลงเนื่องจากความอ่อนเพลีย กังวล และความไม่สบายกาย หรือเจ็บแผล จึงควรงดการมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 4-6 สัปดาห์แรกหลังคลอด หรือจนกว่าจะได้รับการตรวจสุขภาพหลังคลอด และวางแผนคุมกำเนิดแล้ว
9. การตรวจหลังคลอด
แพทย์จะนัดคุณแม่ให้มาตรวจสุขภาพ 4-6 สัปดาห์หลังคลอด เช่น
- ตรวจความสมบูรณ์ของร่างกาย
- ตรวจดูสภาพของปากมดลูกและอวัยวะภายในอุ้งเชิงกราน หรือแผลผ่าตัดหน้าท้องกรณีผ่าตัดคลอด
- ตรวจความเสี่ยงมะเร็งปากมดลูก
- ให้คำแนะนำเรื่องการวางแผนครอบครัว และคุมกำเนิดที่เหมาะสมในช่วงหลังคลอด
- อาการผิดปกติหลังคลอด ที่ควรรีบมาพบแพทย์
- มีไข้สูงโดยไม่ทราบสาเหตุ
- น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็น หรือมีสีแดงสดตลอด 15วันหลังคลอด
- ปวดท้องน้อย เจ็บปวด หรือแสบขัดเวลาปัสสาวะ
- ปวดศีรษะรุนแรง
- เต้านมบวมแดง อักเสบ หัวนมแตกเป็นแผล
- แผลฝี เย็บ หรือแผลผ่าตัดอักเสบ บวม แดง หรือมีหนอง
ทั้งหมดนี้คือภาวะหลงัคลอดที่อาจจะเกิดข้ึนได้คุณแม่ควรสังเกตความผิดปกติที่เกิดข้ึนกับตนเองอยู่เสมอ ทั้งทางร่างกายและอารมณ์หากคุณแม่หลังคลอดคนใดมีอาการผิดปกติหรือเป็นนานเกินไป ควรปรึกษาแพทย์ทันที