กระดูกสันหลังคด (Scoliosis): ทำความเข้าใจ สาเหตุ อาการ และแนวทางการรักษา

07/07/2025
  • images
  • images
07/Jul/2025 12:00 PM

กระดูกสันหลังคด (Scoliosis): ทำความเข้าใจ สาเหตุ อาการ และแนวทางการรักษา

กระดูกสันหลังคด ปัญหาที่หลายคนมองข้าม สัญญาณเตือนที่ต้องรีบใส่ใจ! ทำความรู้จักสาเหตุ อาการ และแนวทางการรักษากระดูกสันหลังคด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นก่อนสาย

กระดูกสันหลังคด (Scoliosis) เป็นภาวะที่กระดูกสันหลังมีความโค้งผิดปกติไปทางด้านข้าง อาจเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่พบมากในวัยเด็กและวัยรุ่น หากละเลยโดยไม่รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพในระยะยาว เช่น อาการปวดหลังเรื้อรัง ปัญหาการหายใจ หรือการเสียบุคลิกภาพ ภาวะกระดูกสันหลังคด สามารถวินิจฉัยได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น หากได้รับการตรวจและดูแลอย่างเหมาะสมก็สามารถควบคุมหรือรักษาให้ดีขึ้นได้ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับสาเหตุ อาการ การวินิจฉัย และแนวทางการรักษาที่ถูกต้อง รวมถึงคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาวะนี้




 

สารบัญ


กระดูกสันหลังคด คืออะไร?

กระดูกสันหลังคด (Scoliosis) คือภาวะที่กระดูกสันหลังมีความโค้งงอผิดปกติไปทางด้านข้างของลำตัว ไม่ใช่การโค้งงอตามธรรมชาติในแนวหน้า-หลัง การโค้งงอนี้อาจเกิดขึ้นได้ทั้งในรูปตัว C (โค้งงอไปด้านเดียว) หรือตัว S (โค้งงอเป็นสองช่วงในทิศทางตรงกันข้าม) โดยความรุนแรงจะถูกวัดจากองศาความโค้งงอ หากกระดูกสันหลังคดมากเกิน 10 องศา จะถือว่าเป็นภาวะกระดูกสันหลังคด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสมดุลของร่างกาย ท่าทางการเดิน และการทำงานของอวัยวะภายในในระยะยาว


กระดูกสันหลังคด

กระดูกสันหลังคด เกิดจากอะไร?

สาเหตุของกระดูกสันหลังคดสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ดังนี้

- กระดูกสันหลังคดไม่ทราบสาเหตุ (Idiopathic Scoliosis) เป็นชนิดที่พบมากที่สุด โดยเฉพาะในวัยรุ่น มักจะไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด
- กระดูกสันหลังคดแต่กำเนิด (Congenital Scoliosis) เกิดจากความผิดปกติของกระดูกสันหลังตั้งแต่กำเนิด อาจมีการสร้างกระดูกที่ไม่สมบูรณ์หรือการเชื่อมติดกันของกระดูกสันหลังบางส่วน
- กระดูกสันหลังคดจากความผิดปกติของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ (Neuromuscular Scoliosis) เกิดจากโรคหรือภาวะที่ส่งผลต่อกล้ามเนื้อหรือระบบประสาท เช่น สมองพิการ กล้ามเนื้ออ่อนแรง โปลิโอ
- กระดูกสันหลังคดจากภาวะความเสื่อม (Degenerative Scoliosis) มักพบในผู้สูงอายุ เกิดจากความเสื่อมของหมอนรองกระดูกและข้อต่อกระดูกสันหลัง ทำให้กระดูกสันหลังไม่มั่นคงและเกิดการคดงอ
- กระดูกสันหลังคดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น การบาดเจ็บ เนื้องอก การผ่าตัด หรือภาวะกระดูกพรุนรุนแรง


กระดูกสันหลังคด

สัญญาณเตือนกระดูกสันหลังคด: สังเกตอาการได้อย่างไร?

การสังเกตอาการกระดูกสันหลังคดตั้งแต่เนิ่นๆ มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่น สัญญาณที่ควรใส่ใจได้แก่

1.ไหล่สองข้างสูงไม่เท่ากัน
2.สะโพกสองข้างสูงไม่เท่ากัน
3.กระดูกสะบักข้างหนึ่งยื่นออกมามากกว่าอีกข้าง
4.ลำตัวเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง
5.เมื่อก้มตัวไปข้างหน้า แนวสันหลังจะเห็นเป็นโค้งงอไม่ตรง หรือซี่โครงด้านหนึ่งจะนูนขึ้นมามากกว่าอีกข้าง
6.เสื้อผ้าสวมใส่ไม่พอดีหรือไม่สมมาตร
7.ในบางคนอาจมีอาการปวดหลัง ปวดไหล่ หรือปวดเอวร่วมด้วย โดยเฉพาะเมื่อยืนหรือนั่งเป็นเวลานาน


การวินิจฉัยกระดูกสันหลังคด: ตรวจอย่างไรให้แม่นยำ?

การวินิจฉัยกระดูกสันหลังคดเริ่มจากการซักประวัติและตรวจร่างกายเพื่อประเมินลักษณะท่าทาง จากนั้นใช้การเอกซเรย์เพื่อตรวจวัดองศาความคดของกระดูกสันหลังอย่างแม่นยำ และในบางกรณีที่มีข้อสงสัยเพิ่มเติมอาจส่งตรวจ MRI หรือ CT Scan เพื่อดูโครงสร้างภายในอย่างละเอียด


กระดูกสันหลังคดมีผลกระทบอย่างไร? ทำความเข้าใจภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

หากปล่อยให้กระดูกสันหลังคดโดยไม่รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายและคุณภาพชีวิตในระยะยาว ดังนี้

1.ปวดหลังเรื้อรัง
อาจมีอาการปวดหลัง ปวดเมื่อยตามตัว โดยเฉพาะเวลานั่งหรือยืนนาน ๆ ทำให้ใช้ชีวิตประจำวันได้ไม่สะดวก

2.รูปร่างผิดปกติ เสียความมั่นใจ
กระดูกสันหลังที่คดทำให้รูปร่างไม่สมดุล เช่น ไหล่เอียง สะโพกเบี้ยว หรือหลังโก่ง ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นใจเมื่อต้องพบปะผู้คน

3.หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย
ในรายที่มีความคดรุนแรง กระดูกสันหลังอาจกดทับบริเวณทรวงอก ทำให้ปอดขยายตัวได้น้อยลง ส่งผลให้หายใจไม่เต็มที่ รู้สึกเหนื่อยง่าย

4.หัวใจทำงานหนักขึ้น
ถ้าแนวกระดูกเบี้ยวจนรบกวนการทำงานของอวัยวะภายใน อาจกระทบต่อระบบไหลเวียนโลหิตและการทำงานของหัวใจ

5.ระบบประสาทถูกรบกวน
หากเส้นประสาทถูกกดทับ อาจมีอาการชาหรืออ่อนแรงตามแขนขา บางรายอาจรู้สึกปวดร้าวไปตามแนวเส้นประสาท

6.ข้อกระดูกสันหลังเสื่อมเร็ว
เมื่อแนวกระดูกผิดรูป การกระจายน้ำหนักขณะเคลื่อนไหวจะไม่สมดุล อาจทำให้ข้อสันหลังสึกหรอและเสื่อมเร็วกว่าปกติ


แนวทางการรักษาโรคกระดูกสันหลังคด: ทางเลือกและการบำบัดที่เหมาะสม

การรักษากระดูกสันหลังคดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุของผู้ป่วย สาเหตุของโรค และระดับความคดของกระดูก (Cobb Angle) โดยแนวทางการรักษาหลัก ๆ มีดังนี้

1.การเฝ้าดูอาการ (Observation)
ถ้ากระดูกสันหลังคดเล็กน้อย (น้อยกว่า 20–25 องศา) และยังไม่มีอาการ แพทย์อาจแนะนำให้แค่ติดตามอาการเป็นระยะ ๆ เพื่อตรวจดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่

2.การใส่อุปกรณ์พยุงหลัง (Bracing)
เหมาะกับเด็กหรือวัยรุ่นที่กระดูกยังเจริญเติบโต และมีความคดระดับปานกลาง (ประมาณ 20–40 องศา) จุดประสงค์คือช่วยชะลอไม่ให้ความคดเพิ่มขึ้น ไม่ใช่เพื่อให้กระดูกตรงกลับมา

3.การทำกายภาพบำบัด
ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อหลังและแกนกลางลำตัว เพิ่มความยืดหยุ่น และปรับปรุงท่าทางเพื่อลดอาการปวด ทำให้ใช้ชีวิตได้สะดวกขึ้น

4.การผ่าตัด (Surgery)
ใช้ในกรณีที่กระดูกคดมาก (มากกว่า 40–50 องศา) หรือมีแนวโน้มคดมากขึ้น แม้จะรักษาด้วยวิธีอื่นแล้ว การผ่าตัดจะช่วยปรับแนวกระดูกให้ใกล้เคียงปกติที่สุด และป้องกันไม่ให้แย่ลงในอนาคต


คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ "กระดูกสันหลังคด"


กระดูกสันหลังคด เกิดขึ้นกับใครได้บ้าง? และมักพบในวัยใด?

กระดูกสันหลังคดสามารถเกิดได้กับทุกเพศ ทุกวัย แต่ส่วนใหญ่จะพบในวัยรุ่น โดยเฉพาะช่วงที่กำลังเจริญเติบโตเร็ว ๆ นอกจากนี้ ยังพบในเด็กเล็กและผู้สูงอายุที่มีภาวะกระดูกสันหลังเสื่อมตามวัย


กระดูกสันหลังคด มีวิธีป้องกันได้หรือไม่?

สำหรับกระดูกสันหลังคดที่ไม่ทราบสาเหตุ ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ชัดเจน แต่การดูแลสุขภาพกระดูกและกล้ามเนื้อให้แข็งแรง เช่น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และรักษาท่าทางที่ถูกต้องเวลานั่ง ยืน หรือเดิน จะช่วยลดความเสี่ยงหรือชะลอการเสื่อมของกระดูกสันหลังในผู้สูงอายุได้


กระดูกสันหลังคดรักษาหายขาดได้ไหม? และต้องรักษานานแค่ไหน?

ในกรณีที่ไม่ทราบสาเหตุ (Idiopathic Scoliosis) มักไม่สามารถรักษาให้กระดูกกลับมาตรงเหมือนเดิมได้ 100% การรักษาจะเน้นควบคุมไม่ให้ความโค้งเพิ่มขึ้น ลดอาการปวด และช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ระยะเวลารักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงและวิธีรักษา อาจใช้เวลาหลายเดือนจนถึงหลายปี หรือบางกรณีต้องติดตามผลไปตลอดชีวิต


ถ้าเป็นกระดูกสันหลังคดแล้วไม่รักษา จะเกิดอะไรขึ้น?

ถ้าไม่รักษา โดยเฉพาะในกรณีที่โค้งงอค่อนข้างมาก ความโค้งจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อาจทำให้เกิดอาการปวดหลังเรื้อรัง รูปร่างผิดปกติ การเคลื่อนไหวลำบาก ปัญหาการหายใจเพราะปอดถูกกดทับ และในบางรายอาจส่งผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำให้คุณภาพชีวิตลดลงอย่างมากในระยะยาว