3 โรคที่คนมักเข้าใจผิด คิดว่าเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท มีอะไรบ้าง
3 โรคที่คนมักเข้าใจผิด คิดว่าเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท มีอะไรบ้าง
โรคที่ใกล้เคียงกับอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท คือ สะโพกเสื่อม ข้อสะโพกอักเสบ กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท ภาวะกระดูกสันหลังเคลื่อน และกล้ามเนื้อตึงตัว
อาการปวดร้าวลงขา ชา หรือรู้สึกเหมือนมีไฟช็อตที่ขา เป็นสัญญาณที่ทำให้หลายคนกังวลว่าตัวเองกำลังเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หรือโรคยอดฮิตอย่างออฟฟิศซินโดรม แต่อาการเหล่านี้ไม่ได้มีสาเหตุจากหมอนรองกระดูกเสมอไป บางครั้งต้นเหตุอาจมาจากกล้ามเนื้อสะโพก เส้นประสาท หรือข้อสะโพกเองก็ได้ ซึ่งหากวินิจฉัยไม่ถูกต้อง ก็อาจทำให้รักษาไม่ตรงจุดและอาการไม่ดีขึ้นสักที วันนี้ Prohealth Clinic จะพาไปรู้จัก 3 โรคที่อาการคล้ายหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจถึงความแตกต่าง พร้อมแนวทางการรักษาที่จะช่วยให้คุณหายจากอาการปวดเหล่านี้ได้แน่นอน

กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาทและกล้ามเนื้อตึงตัว
อาการปวดร้าวลงขาพบบ่อยในคนที่นั่งทำงานหรือขับรถนาน ๆ ส่วนใหญ่มักไม่ได้เกิดจากความเสื่อมของหมอนรองกระดูก หรือภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท แต่มักมีสาเหตุมาจากกล้ามเนื้อสะโพกตึงหรือภาวะหนีบเส้นประสาท ทำให้กล้ามเนื้อกดเบียดเส้นประสาท
อาการที่ใกล้เคียง มีอะไรบ้าง
อาการจะคล้ายปวดร้าวลงขาหรือชาร่วมด้วย แต่ต่างกันตรงที่ความเจ็บจะรุนแรงขึ้นเมื่อนั่งนาน ๆ หรือมีแรงกดทับบริเวณก้น และส่วนใหญ่จะไม่มีอาการอ่อนแรงของขาร่วมด้วย
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ
สาเหตุเกิดจากกล้ามเนื้อสะโพกหรือหลังตึงเกินไปจนกดทับเส้นประสาท หรือมีจุดกดเจ็บ (Trigger Point) ที่ส่งความปวดร้าวตามแนวเส้นประสาทได้
แนวทางการรักษาเบื้องต้น
สามารถดูแลตัวเองได้ด้วยการยืดเหยียดกล้ามเนื้อสะโพกและหลังเป็นประจำ ใช้การประคบร้อนเพื่อคลายกล้ามเนื้อ และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้กล้ามเนื้อตึง เช่น การนั่งไขว่ห้าง หรือการนั่งผิดท่าขณะทำงาน
ภาวะกระดูกสันหลังเคลื่อน (Spondylolisthesis)
ภาวะกระดูกสันหลังเคลื่อนเกิดจากการที่กระดูกสันหลังข้อหนึ่งเลื่อนออกจากตำแหน่งปกติไปทับอีกข้อหนึ่ง แม้จะเป็นภาวะของโครงสร้างกระดูกเหมือนกัน แต่แตกต่างจากหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท โดยอาการปวดจะสัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวร่างกายทำให้สามารถแยกความแตกต่างได้อย่างชัดเจน
อาการที่ใกล้เคียง มีอะไรบ้าง
อาการปวดจะรุนแรงขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหว เช่น การเดิน การยืนนาน ๆ หรือการแอ่นหลัง ซึ่งต่างจากภาวะหมอนรองกระดูกที่มักปวดมากขึ้นเวลานั่งหรือก้มตัว
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ
สาเหตุเกิดจากความเสื่อมตามวัย หรือการบาดเจ็บรุนแรง ทำให้กระดูกสันหลังเลื่อนทับกันและกดทับเส้นประสาท นำมาซึ่งอาการปวดร้าวลงขา
แนวทางการรักษาเบื้องต้น
การวินิจฉัยจำเป็นต้องใช้ภาพรังสี (X-ray) หรือ MRI เพื่อดูโครงสร้างกระดูก แนวทางการรักษาเริ่มจากกายภาพบำบัดเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังและหน้าท้อง แต่หากมีการเลื่อนมากหรือกดทับเส้นประสาทอย่างรุนแรง แพทย์อาจต้องพิจารณาการผ่าตัดแก้ไข

โรคข้อสะโพกเสื่อม หรือข้อสะโพกอักเสบ
เมื่อมีอาการปวดร้าวลงขา เรามักจะนึกถึงหลังหรือหมอนรองกระดูกก่อนเสมอ แต่บางครั้งอาการปวดที่เข้าใจผิดว่าเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท อาจมีสาเหตุจากบริเวณข้อสะโพกก็ได้ ซึ่งพบบ่อยในวัยกลางคนขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก หรือใช้ข้อสะโพกหนัก ๆ เป็นเวลานาน
แยกอาการปวดอย่างไร ปวดที่สะโพก vs. ปวดที่หลัง
การแยกอาการปวดสามารถสังเกตได้จากตำแหน่งเริ่มต้น อาการปวดจากข้อสะโพก มักเกิดที่ขาหนีบ ก้น หรือด้านข้างสะโพก และจะปวดมากขึ้นเมื่อเดินหรือลงน้ำหนัก ส่วนปวดจากหลัง มักเริ่มที่หลังส่วนล่างและปวดร้าวลงไปตามแนวขาอย่างชัดเจน
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ
เกิดจากการเสื่อมของกระดูกอ่อนในข้อสะโพก ซึ่งมาจากอายุที่มากขึ้น น้ำหนักตัวเกิน หรือพฤติกรรมที่ใช้ข้อสะโพกซ้ำ ๆ จนเกิดการอักเสบ
แนวทางการรักษาเบื้องต้น
ควรเริ่มจากการลดน้ำหนักเพื่อลดแรงกดที่ข้อสะโพก รวมถึงบริหารกล้ามเนื้อรอบข้อสะโพกให้แข็งแรง และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก เช่น วิ่งหรือยกของหนัก
อาการปวดหลังหรือปวดร้าวลงขาไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทเสมอไป แต่อาจเกิดจากโรคอื่น ๆ ที่มีอาการคล้ายกัน หากคุณมีอาการปวดจนรบกวนการใช้ชีวิต ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่ตรงจุด ช่วยให้คุณกลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง




